ผีชีวะ 5 อลิซ กลับมาอีกครั้ง ด้วยสเกลหนังที่ใหญ่กว่าเดิม… แล้วก็ดีมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมนิดเดียว คนไหนกันแน่กันเล่าจะไปคาดหมายว่าหนังจากเกมส์โด่งดังอย่าง Resident Evil ที่เปิดตัวคราวแรกในโรงหนังเมื่อปี 2002 ซึ่งได้รับความนิยมในระดับหนึ่ง จะยกระดับจากหนังอิสระ กลายมาเป็นหนังบล็อกบัสเตอร์ฟอร์มยักษ์ได้
รายได้ในแต่ละภาคก็มีแต่จะสูงเอาๆได้กำไรเอาๆผู้สร้างก็ต้องการจะทำออกมาเรื่อยๆจนถึงมาถึงภาคที่ 5 ในชื่อตอนว่า Resident Evil: Retribution ซึ่งหลังจากได้สัมผัสด้วยตามาแล้วในระบบ 3 มิติ ก็มาเขียนวิภาควิจารณ์ให้อ่านกันเสียหน่อย
เรื่องราวในภาคนี้จะต่อจากเหตุการณ์ในภาคที่ 4 (Resident Evil: Afterlife) แทบในทันที หลังจากสาวน้อยน่าพิศวง อลิซ (ไม่ล่า โยโอ้อวดวิช) ช่วยเหลือผู้รอดชีวิตบนเรือทดลองออกมาได้ ก็จะต้องมาปะทะกับกองกำลังแห่งอัมเบลล่า ที่นำกองทัพมาโดย จิล วาเลนไทน์ (เซียนน่า กิลลอยร์) ในแทบในทันที
Review Resident Evil: Retribution
กองทัพอัมเบลล่า ไล่ถล่มผู้รอดชีวิต แล้วก็อลิซ แบบไม่มีคำว่าปราณี จนถึงอลิซ ถูกแรงระเบิด จากการสู้รบ ตกลงสู่ท้องทะเล
แต่แล้วดูเหมือนกับว่าเรื่องราวทั้งปวงของเธอ (อลิซ) ดูเหมือนจะเป็นเพียงแต่ความฝัน ด้วยเหตุว่าหลังจากที่เธอตกลงสู่ท้องทะเล เธอก็เหมือนจะตื่นขึ้นในบ้าน พร้อมชีวิตครอบครัวที่แสนอบอุ่น กับสามีที่เค้าหน้าเหมือน คาร์ลอส โอลิเวียร่า อย่างยิ่ง (ดารานำชายใน ภาค 2 แล้วก็ 3) พร้อมทั้ง ลูกสาวสุดสวยอย่าง เบ็กกี้
Review Resident Evil: Retribution
ทุกสิ่งดูดีไปหมด จวบจนกระทั่ง เมืองที่เธออาศัยอยู่โดนโจมตีจาก ผีดิบซอมบี้กระหายเลือด ในขณะที่เธอกำลังเสียเชิงกับซอมบี้ตัวนึง (สามีของเธออ่ะล่ะ) เธอ ก็จะต้องตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ในสภาพแก้ผ้า ที่สำคัญคือ เธอถูกจองจำเป็นผู้ต้องขังในองค์กรอัมเบลล่า (Inception ปล่าวหว่า)
จวบจนกระทั่งเธอได้รับการช่วยเหลือให้หนีออกมาได้ จากการช่วยเหลือของสปายสาว เอด้า หว่อง (ลี ปิงปิง) ที่ถูกส่งตัวมาโดยศัตรูตัวฉกาจของ อลิซ จากภาคที่แล้วอย่าง อัลเบิร์ต เวสเกอร์ (ชอว์น โรเบิร์ต) ให้มาช่วยเหลือเธอ พร้อมทั้งกองกำลังติดอาวุธสุดเข้มแข็งอย่าง นำโดย เลออน เอส เคเนดี้ (โจฮัน เฮิร์บ) กางร์รี่ เบอร์ตัน (เควิน ดูแรนด์) แล้วก็ ลูเธอร์ เวสต์ (บอริส คอดโจ) นักแสดงผู้รอดชีวิตจากภาคที่แล้ว
Review Resident Evil: Retribution
เรื่องราวเริ่มเข้มข้น เมื่อ อลิซ พร้อมเพื่อนใหม่แล้วก็ ลูกสาวในฝันที่เธอได้เจอจริงๆจะต้องหนีจากการตามล่าของ จิล แล้วก็เหล่ากองกำลังทหารที่เหมือนจะเป็นเพื่อนเธอจากภาคแรกๆอย่าง เรน (มิเชล รอดิเกวซ) แล้วก็ เหล่าซอมบี้ สัตว์ทดลอง กระหายเลือด แล้วเธอจะทำเป็นเสร็จไหม ไปติดตามดูนะครับ
ว่ากันตามเรื้อผ้า ตัวหนัง Resident Evil: Retribution ถือเป็นภาคที่เปิดตัวออกมาได้ดิบได้ดีสุดๆแล้ว ในแฟรนไชน์นี้นะครับ เรื่องราวก็โอเค กว่าภาคก่อนหน้าที่ผ่านมาอย่างยิ่ง หลังจากภาคก่อนๆเราจะได้มองเห็น อลิซ เก่งกระจายอย่างเดียว แต่สำหรับภาคนี้ไม่ใช่
Review Resident Evil: Retribution
อลิซ ลดความเทวดาลงมา (นิดนึง -*-) เสริมมิติการแสดงอันบรรเจิดของ ไม่ล่า เข้าไปอีก ซึ่งผมถูกใจมากมายๆกับการที่เธอจะต้องรอดูแล เด็กน้อยที่เรียกเธอว่าแม่ ถึงแม้อลิซ จะมีความเห็นว่านั้นเป็นเพียงแต่ความฝัน แต่ก็เพิ่มมิติของนักแสดงอลิซ ได้อย่างยิ่งโข มากกว่าที่ผ่านๆมา ซึ่งภาคก่อนหน้าจะมีเพียงแต่อลิซ โชว์บู๊แอคชั่น ไม่ได้แสดงถึงซีนอารมณ์อะไรใดๆก็ตามทั้งมวล
Review Resident Evil: Retribution
แล้วก็ขอแสดงความเสียใจกับมิตรรักแฟนเกมส์ด้วย (ผมด้วย T^T) แม้ว่าจะมีการดึงเอา เอด้า หว่อง,เลออน เอส เคเนดี้ แล้วก็ กางร์รี่ เบอร์ตัน นักแสดงระดับเทวดาของเกมส์ มาขึ้นจอใหญ่ แต่ก็มาเป็นตัวประกอบเสียมากกว่า
เอด้า ที่สวมบทโดย ลี ปิงปิง เดิมดูเหมือนจะดี แต่บทก็มาแผ่วๆเธอให้เบาลงในช่วงกลางๆเรื่อง (ถูกจับ) ซึ่งมันทำใจไม่ได้ตรงที่ว่า สรรพคุณที่เล่าถึงตัวเธอคือ ยอดเยี่ยมสายลับนักฆ่าชั้น 1 แต่ถูกจับง่ายดายมากเลยเสียเชิงง่ายอย่างยิ่งการแสดงของ ลี ปิงปิง ดูเหมือนจะอ่อนหวานไป ไม่เหมือนกับ เอด้า ในเกมส์เลยซักนิด (อันนั้นออกจะเปรี้ยวมากมายๆ)
Review Resident Evil: Retribution
เลออน เอส เคเนดี้ ยอดเยี่ยมนักแสดงแห่งโลกเกมส์ Resident Evil สวมบทโดย โจฮัน เอิร์บ แรกๆก็โดนแอนตี้ไปแล้วว่าไม่เหมือน แต่พอเพียงมาดูในหนังผมว่าก็ใช้ได้ แต่ๆถูกกลบบทไปโดย อลิซ เช่นเดิม แล้วก็ความสามารถก็ลดน้อยลงมากมายๆมาๆเท่ห์ๆยิงๆหมดแล้ว
กางร์รี่ เบอร์ตัน สวมบทโดย เควิน ดูแรนด์ คนนี้ใช้ได้สำหรับบทนี้ ด้วยเหตุว่าคล้ายพอเหมาะพอควร การแสดงก็ดูกวนๆแต่ก็ราว เลออน มาเป็นตัวละครประกอบฉาก แต่สิ่งที่น่าจดจำก็ทำออกมาได้ดิบได้ดีมากมายๆเลย คอเกมส์ได้เห็นจะปลื้มเอง
Review Resident Evil: Retribution
ข้อความสำคัญที่หนังเอามาทำมาหากินได้ก็คือ โคลนนิ่ง ใช่นะครับ นักแสดง อลิซ ที่เราได้มองเห็นตอนมีสามี ก็คือร่างโคลน การที่ เรน กลับมาได้ ก็เป็น โคลน นักแสดงที่ตายไปแล้วจากภาคก่อนๆกลับมาได้ ด้วยเหตุว่าเป็น ร่างโคลน นั้นเอง (ง่ายดีไหม)
สำหรับระบบ 3 มิติ ของหนังหัวข้อนี้ ก็ขอชมว่าโอเค มีหลายฉากเช่นเดียวกันที่หลบสิ่งที่พุ่งออกมาจากจอ แต่บอกเลยว่ามีน้อยมากๆฉากโชว์พลัง 3 มิติ
สรุปแล้วว่า ตัวหนัง Resident Evil: Retribution มีการเปิดเรื่องราวในช่วงต้นได้ดิบได้ดีมากมาย แต่หลังจากกึ่งกลางเรื่องมาก็แผ่วๆลงอย่างน่าตกใจ ราวทำให้มันจบๆไปเสีย ดีน่ะมีตัวหนังตอนแรกช่วยเรื่องเอาไว้
รีวิว ผีชีวะ 5 Review Resident Evil: Retribution
