หลังจากชมศึกอภิมหายุทธ์ระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ที่ลงเอยด้วยการเสมอกัน 1-1 จบแล้ว
ผู้มีจิตศรัทธาในปีศาจร้ายแดงอย่างผมต้องการจะพูดว่า…
1. พบร์เก้น คล็อปป์ จัดทีมได้บ้าดีเดือดดีนะครับผม ในเมื่อคนนั้นก็ชอบ คนนี้ก็รักว่าแล้วก็ส่งแม่งลงทั้งยัง โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ กับ ดิโอโก้ โชต้า พร้อมไปเลย
มองเผินๆเหมือนปรับระบบเป็น 4-2-3-1 ให้ตัวรุกแซมบ้าเป็นหน้าต่ำ โม ซาลาห์ หน้าเป้า ประกบข้างด้วยศูนย์หน้าตัวใหม่ และ ซาดิโอ มาเน่ แต่สิ่งที่เห็นบนฟลอร์ต้นหญ้าเหมือนเป็น 4-4-2 หรือ 4-2-4 ซะมากกว่า เหตุเพราะนักฟุตบอลที่เด็กหงส์เรียกอย่างน่ารักน่าเอ็นดูน่าตบว่า ‘บ๊อบบี้’ ไม่ได้ลงต่ำมาช่วยเกมในดินแดนกลางสักเท่าไหร่
ADVERTISEMENT
เท่านั้นไม่พอ ฟูลแบ็คทั้งยัง 2 ข้างก็กระทำตนเหมือนเป็นปีกอยู่แล้ว หมายความว่าเวลารุก พวกพี่ๆเขาจะดาหน้ากันขึ้นไปเป็นแผงถึง 6 ตัว !!!
2. อย่างไรก็ดี
สิ่งที่คิดกับปัญหาที่เกิดขึ้นจริงนั้นแตกต่างกัน เนื่องจากว่าผมรู้สึกว่าจัดตัวแบบงี้ ‘ลิเวอร์พูล’ เจตนา ‘เอาตาย’ แน่นอนเอาตายด้วยวิธีการเล่นแบบ เฮฟวี่ เมทั่ล – บีบสูงพลางเพรสซิ่งอย่างคลั่ง
แต่ว่าเรื่องจริงที่เกิดขึ้นเป็น หงส์แดง ไม่ได้เล่นเกมรุกในจังหวะโลหะหนัก
เหตุที่ไม่กล้า ‘เฮฟวี่’ สักเท่าไหร่ รู้เรื่องว่าคงจะเกรงเกียรติยศของเจ้าถิ่นที่ไม่ใช่ เชฟฯ ยูไนเต็ด หรือ เวสต์แฮม นะโว้ย ถ้าเกิดหลังดันขึ้นสูงเกินไป แถมบีบเขาไม่จนจะเปลี่ยนเป็นการเปิดพื้นที่ว่างในดินแดนหลังให้คู่ต่อสู้มากเกินความจำเป็น
3. ช่วง 15 นาทีแรก พรรคพวกลิเวอร์พูลเล่นได้ดีมากว่ากระจ่างแจ้ง แถมความประมาทและสะเพร่าของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ยังช่วยให้พวกเขาขึ้นนำจากจุดโทษอีกต่างหาก – ช่วงนั้นดูเช่นไร แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่น่ารอด เพราะว่านอกเหนือจากจะบุกไม่ขึ้น ยังมองเกร็งๆอีกต่างหาก
กลับไปกลับมาเปลี่ยนเป็นแชมป์เก่านี่แหละที่แผ่วๆไปเอง แล้วถอยมาเล่นแบบคุมพื้นที่ ตอนที่ดินแดนกลางของทีมเรือใบเหนือกว่า เนื่องจากว่ามีมิดฟิลด์ตัวกลางมากกว่าจนตีเสมอได้วำเร็จ
โชคร้ายที่ เควิน เดอ บรอยน์ ยิงจุดโทษพลาด ว่าแล้วนึกถึงเกมนี้ เมื่อ 2 ฤดูกาลก่อนที่จะ แอนฟิลด์ ทั้งยัง 2 ทีมเล่นให้รอบคอบแบบงี้ล่ะ ก่อน แมนฯ ซิตี้ มาได้จุดโทษในนาทีท้ายที่สุดแล้ว ริยาด ผีเรซ ตะบันลูกลอยละล่องไปในอวกาศ แม้ว่าจะไปไม่ถึงพระจันทร์ แต่ก็ตกอยู่ท่ามกลางดวงดาว…ถ่มยย
4. หงส์แดง เล่นแบบเน้นย้ำผลกระจ่างแจ้ง รู้สึกว่าควัก 1 แต้มออกจาก อิสต์แลนด์สได้ก็ไม่น่าชิงชัง ตอนที่ แมนฯ ซิตี้ ก็ไม่กล้ารุกเต็ม 80 ตีนถีบ ด้วยคิดคล้ายๆกันว่าเสมอแชมป์เก่าได้ก็ไม่เสียหายอะไรนี่หว่า
เอาง่ายๆว่ามันยังอยู่ในตอนต้นฤดูกาล ระยะทางยังเหลืออีกยาวไกล ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องรับหักหาญกันให้ตายหงส์ตายห่านกันไปข้าง เสมอกันดีแล้วกว่าเสี่ยงแล้วแพ้…ว่างั้นเหอะ
5. ราฮีม สเตอร์ลิง เวลาพบทีมเก่าจะออกอาการ ‘พยายามเกินเหตุ’ จนจังหวะนรกอย่างเดิม หวังพึ่งอะไรไม่ได้เลย…ไอ้หอก
ส่วนของลิเวอร์พูล – โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ ฟอร์มตกอย่างแรง แถมปราศจากความมั่นอกมั่นใจ ตอนที่การส่งแนวรุก 4 คนลงพร้อมทำให้ดินแดนกลางเป็นรองซะอย่างงั้น
มิหนำ เจ้าหนูเทรนต์ เอเอ ยังถูกอาการบาดเจ็บลักพาตัวไปอีกคน ถ้าเกิดหายไปแบบยาวๆเด็กหงส์คงจะเครียดมิใช่น้อย อิอิอิ